วันพฤหัสบดีที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2558

เขี้ยวหมูป่า




เขี้ยวหมูป่า



เขี้ยวหมูเป็นเครื่องรางให้ผลทางอำนาจ  และป้องกันสรรพอันตรายจากเขี้ยวงาของสัตว์ร้าย  โดยพระอาจารย์ท่านจะนำเขี้ยวหมูนั้นมาแกะสลักเป็นรูปเสือหรือ  ลงอักขระขอมหัวใจพระมนต์ต่าง ๆ รอบ ๆ เขี้ยวตามปกติ เขี้ยวหมูทั่ว  ๆ ไปมีลักษณะกลวงเป็นโพลงภายใน  แต่เขี้ยวหมูแกะรูปเสือนั้นเป็นเขี้ยวหมูตันทั้งอันไม่ใช่เขี้ยวโพลงอย่างเขี้ยวหมูทั่ว ๆ ไป
 
         ธรรมชาติของหมู่ป่านั้นอยู่รวมกันเป็นฝูง ๆ เวลาออกหากินมีจ่าฝูงแล้วก็มีพญาหมูป่่าเป็นประทานของฝูง  พญาหมูป่านั้นไม่ค่อยปรากฏกายแต่มักจะอยู่ภายในถ้ำลึก  มีนางหมูป่าซ้ายขวา  เป็นผู้หาอาหารป้อนเหยื่อให้แก่พญาหมูป่า  ดุจสาวสนมกำนัลผู้ปรนิบัติ  และพญาหมูป่าจะปรากฏตัวนอกถ้ำแต่เฉพาะเวลากลางคืน  แวดล้อมด้วยบริวาร  พญาหมู่ป่านี้แหละ  เป็นผู้ที่มีเขี้ยวตัน  ไม่เป็นโพลงอย่างประดาหมูป่าผู้เป็นบริวารทั้งหลายเรียกกันว่า  “หมูโทน”  เขี้ยวหมูตันจึงแรงด้วยอาถรรพณ์มีคุณภาพทางการให้อำนาจดุจพญาหมูป่าผู้เป็นใหญ่
 
         เขี้ยวหมูตันที่แกะเป็นรูปเสือเครื่องรางของขลังที่มีชื่อ  คือเขี้ยวหมูตันของหลวงพ่อปานวัดบางเหี้ย  จังหวัดสมุทรปราการ  ซึ่ง  “พระประแดง”  ได้เขียนเล่าไว้ในพิมพ์ไทย  ปลายสัปดาห์  ฉบับที่  28  ไว้ตอนหนึ่งดังนี้
 
         ...ที่สำคัญที่สุดและมีชื่อเสียงที่สุดของหลวงพ่อได้แก่เขี้ยวเสือแกะ  เขี้ยวเสือแกะของหลวงพ่อจะต้องแกะจากเขี้ยวเสือกลวง หรือ เขี้ยวหมูตัน  อันถือว่าเป็นของแปลงประหลาดสำหรับสัตว์ทั้งสองนี้  ท่านเอาทางด้านโคนเขี้ยวแกะสลักเป็นรูปหน้าเสือ  แล้วลงเลขยันต์ตามตัวเสือนั้นต่อมาชะรอยเขี้ยวเสือกลวงคงจะหาได้ยากจึงเอาเขี้ยวเสือตันบ้างเขี้ยวสัตว์อื่น ๆ บ้างแม้จนกระทั่งงาช้างมาแกะขึ้นเมื่อแกะสลักเรียบร้อยแล้วท่านจะนำไปทำพิธีปลุกเสกจนเป็นที่ใช้ได้แน่นอน  ก่อนจะนำมาให้แก่ผู้ใดท่านมักจะทำการปลุกเสกซ้ำต่อหน้าผู้รับผู้นั้นได้เห็นอภินิหารและเลื่อมใสในเครื่องรางนั้นยิ่งขึ้น 
 
         วิธีปลุกเสกมาแล้วนั้นใส่ลงในบาตรน้ำมนต์  แล้วปลุกเสกซ้ำอีกครั้งหนึ่ง  เสือแกะที่นอนสงบนิ่งอยู่ก้นบาตรน้ำมนต์นั้น  เมื่อถูกปลุกเสกสำทับเข้าครั้งแรก  จะค่อย ๆ เคลื่อนไหว  ที่ละเล็กละน้อย  จนน้ำในบาตรสั่นเป็นละลอกเห็นได้ชัดเสร็จแล้วเสือนั้นจะลอยขึ้นมาบนผิวน้ำ  ทั้ง ๆ ที่น้ำหนักของเสือหนักกว่าน้ำหนักของน้ำในปริมาตรเท่ากัน  จากนั้นเสือจะวิ่งวนอยู่ในน้ำแล้วจะกระโดดออกจาบาตร  มาตรงหน้าของผู้รับเลยทีเดียว  หากคราวใดปลุกเสือนี้พร้อมกันหลายตัว  เสือเหล่านี้จะฟัดกันอยู่ในบาตรล่อกันให้อีรุงตุงนังไปหมดครั้งหนึ่งหลวงพ่อปาเสือที่ปลุกเสกแล้วหายเข้าไปในพงหญ้า  พวกลูกศิษย์ลูกหาพากันไปหาให้กลุ้มไปหมด  แต่ไม่มีใครพบเลยแม้แต่สักตัวเดียว  ต่างนึกว่าหายสูญแน่  แต่หลวงพ่อกลับใช้ให้ลูกศิษย์ซื้อเนื้อสดมาหนึ่งชิ้น  แล้วนำไปแขวนเข้าที่ชายคากุฏินั่นเอง  พอลูกศิษย์ตื่นขึ้นมาตอนเช้าก็แลเห็นเสือที่ถูกขว้างทิ้งเมื่อวานนี้มารุมเกาะกินก้อนเนื้อครบถ้วนจำนวน  มันเป็นเรื่องมหัศจรรย์ที่ลูกศิษย์ลูกหาของท่านที่มีตัวตนอยู่ในขณะนี้ต่างยืนยันเป็นเสียงเดียวกัน
 
         อานุภาพของเสือแกะหลวงพ่อปานนี้มีอเนกประการ  ทั้งเกี่ยวกับการทะนุถนอมรักษาของผู้ที่เป็นเจ้าขอเสือแกะนั้นด้วย  คือผู้ใดประพฤติตนไม่สมควร  เสือแกะอันศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อปานจะต้องมีอันเป็นหายไป  “พระประแดง”  ได้เล่าไว้ถึงเรื่องนี้อีกตอนหนึ่งว่า...
 
         “เสือแกะของหลวงพ่อนี้  ว่ากันว่าถ้าผู้ใดไม่มีบุญหรือไม่เคารพยำเกรงท่านมักจะให้เกิดเหตุเภทร้ายเสือหายไปดื้อ ๆ  ขณะที่ผู้เขียนอยู่ในวัยหนุ่มเคยได้เสือของหลวงพ่อติดตัวไว้องค์หนึ่ง  แต่ก็ไม่สนใจใยดีอะไรมากนัก  เชื่อมั่นอยู่อย่างเดียวจากประสบการณ์ที่ผ่านมาแล้วว่าเขี้ยวหมาหรือเขี้ยวสัตว์ร้ายอื่น ๆ ไม่มีโอกาสฝั่งลงในผิวหนังของผู้เขียนเลย    แต่ผู้ที่เคยใช้เสือมายืนยันว่าป้องกันได้  แม้แต่คมหอกคมดาบไปจนถึงลูกปืน 
         ซึ่งเป็นเรื่องเล่าลือกันอย่างจริงจัง  คืนหนึ่งผู้เขียนทำเสือตัวนี้หล่นลงบนถนนซีเมนต์ในกรุงเทพฯนี่เอง  ผู้เขียนพยายามเอาไฟฉายหาอย่างละเอียดลออแต่ก็ไม่พอ  เมื่อนำเรื่องนี้ไปถามหลวงพ่อ  หลวงพ่อก็ตอบว่า  “เสือของพ่อไม่อยู่กับคนสกปรกหรอกพ่อเรียกกลับคืนมาแล้ว”  ผู้เขียนจึงขอคืนพร้อมกับให้คำมั่นสัญญาว่าจะประพฤติตนให้ดีงามต่อไป  หลวงพ่อจึงหยิบเสือของผู้เขียนออกมาให้ดู  ผู้เขียนจำได้อย่างแน่นอน  เพราะเสือตัวนั้นมีตำหนิรอยปิ่น  ไม่เหมือนของผู้อื่น  แต่หลวงพ่อไม่ได้ให้ผู้เขียนเดี๋ยวนั้น  หลวงพ่อบอกว่า  “ถ้าแกทำตัวดีแล้วเสือตัวนี้จะไปหาแกเอง” 
         ผู้เขียนได้พยายามทำตัวดีตลอดมา  จนลืมเรื่องเสือตัวนี้เสียสนิทจนกระทั่งวันหนึ่งผู้เขียนได้เดินดูพระที่ท้องสนามหลวงเห็นเด็กคนหนึ่งถือเสือหลวงพ่อปานด้วยความสนใจผู้เขียนจึงขอดู  แทบไม่เชื่อสายตาว่าเสือตัวนั้นเป็นของผู้เขียนเองนั่นแหละ  เราตกลงซื้อขายกัน  25  บาท  ต่อมาเมื่อไถ่ถามเด็กผู้นี้ว่าไปได้เสือตัวนั้นมาจากไหน  เขาก็บอกว่าเก็บได้ที่ริมถนนหน้าบ้านผู้เขียนเอง  ที่ ๆ เด็กเก็บได้นี้อยู่ห่างกับที่หล่นหายในครั้งแรกถึง  50  เมตรเศษ

ที่มา http://www.itti-patihan.com/%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B9%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%99-%E0%B8%84%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%94.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น